google.com, pub-7156051143880097, DIRECT, f08c47fec0942fa0

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ตำรายาจีน มีบันทึกการใช้เห็ดซางหวง (Phellinus igniarius) เป็นยามาอย่างยาวนาน

  ตำรายาจีน มีบันทึกการใช้เห็ดซางหวง (Phellinus igniarius) เป็นยามาอย่างยาวนาน

ตัวอย่างตำรายาจีนที่กล่าวถึงสรรพคุณของซางหวง:

เสินหนงเปิ่นเฉ่าจิง (Shen Nong Ben Cao Jing):

  • ตำราสมุนไพรจีนที่เก่าแก่ที่สุด เขียนขึ้นราวศตวรรษที่ 2
  • บรรยายว่า ซางหวงมีรสขม มีฤทธิ์เป็นกลาง ช่วยบำรุง "ฉี" (พลังชีวิต) บำรุงเลือด และยืดอายุ
  • เปิ่นเฉ่ากังมู่ (Ben Cao Gang Mu):
ตำราสมุนไพรที่โด่งดังที่สุดของจีน รวบรวมโดย หลี่สือเจิน ในศตวรรษที่ 16
  • บรรยายถึงประโยชน์ของซางหวง ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคเกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร โรคตับ
ตำราอื่นๆ:
  • มีตำรายาจีนอีกหลายเล่ม ที่กล่าวถึงซางหวง เช่น "Yao Xing Ben Cao" และ "Zhong Hua Ben Cao"
ประเด็นที่น่าสนใจ:

การใช้ซางหวง สอดคล้องกับแนวคิดแพทย์แผนจีน: เช่น การปรับสมดุล หยิน-หยาง การบำรุง "ฉี" (พลังชีวิต)

ความรู้ที่ตกทอดมา เป็นแรงบันดาลใจให้กับงานวิจัยยุคใหม่: ปัจจุบันมีการศึกษา สารออกฤทธิ์ และ สรรพคุณของซางหวง ในระดับห้องปฏิบัติการ เพื่อยืนยันภูมิปัญญา และต่อยอดการประยุกต์ใช้

แม้ตำรายาโบราณ จะมีคุณค่า แต่การใช้สมุนไพร ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์แผนจีนที่เชี่ยวชาญ และไม่ควรมองว่า เป็นทางเลือกทดแทนการรักษาแผนปัจจุบัน
😊












.

"ซางหวง" หรือเห็ด Phellinus igniarius

"ซางหวง" หรือเห็ด Phellinus igniarius ยังคงได้รับความนิยม และมีบทบาทสำคัญในการแพทย์แผนจีน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

อดีต:

หลักฐานทางประวัติศาสตร์: มีบันทึกการใช้ซางหวงในตำราแพทย์แผนจีน ย้อนไปกว่า 2,000 ปี เช่น "Shen Nong Ben Cao Jing" ซึ่งเป็นตำราสมุนไพรที่เก่าแก่ที่สุดของจีน
ความเชื่อดั้งเดิม: แพทย์แผนจีนเชื่อว่า ซางหวงมีรสขม มีฤทธิ์เย็น ออกฤทธิ์ต่อเส้นลมปราณของตับ ม้าม และหัวใจ ช่วยปรับสมดุล หยิน-หยาง บำรุงร่างกาย
การรักษาโรค: ในอดีต ซางหวงถูกใช้รักษาโรคต่างๆ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคตับ โรคผิวหนัง

ปัจจุบัน:
ยังคงได้รับความนิยม: ซางหวง ยังคงเป็นสมุนไพรยอดนิยม หาซื้อได้ทั่วไปในร้านขายยาจีน และมีจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น แบบแห้ง แบบแคปซูล
งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์: ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ทำให้นักวิจัยสามารถสกัด แยก และระบุ สารออกฤทธิ์ ในซางหวงได้

การประยุกต์ใช้:
เสริมภูมิคุ้มกัน: สาร Polysaccharide ในซางหวง มีส่วนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
บำบัดโรคมะเร็ง: มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากซางหวง มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งบางชนิด
โรคเรื้อรัง: แพทย์แผนจีน บางท่านอาจแนะนำให้ใช้ซางหวง ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน ในโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง

ข้อควรระวัง:
การใช้ซางหวง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์แผนจีนที่เชี่ยวชาญ
ไม่ควรรับประทาน หากตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคประจำตัว

จะเห็นได้ว่า ซางหวง เป็นสมุนไพรที่มีประวัติยาวนาน และยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็ควรใช้อย่างระมัดระวัง และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังคงได้รับความนิยม และมีบทบาทสำคัญในการแพทย์แผนจีน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน


อดีต:

หลักฐานทางประวัติศาสตร์: มีบันทึกการใช้ซางหวงในตำราแพทย์แผนจีน ย้อนไปกว่า 2,000 ปี เช่น "Shen Nong Ben Cao Jing" ซึ่งเป็นตำราสมุนไพรที่เก่าแก่ที่สุดของจีน
ความเชื่อดั้งเดิม: แพทย์แผนจีนเชื่อว่า ซางหวงมีรสขม มีฤทธิ์เย็น ออกฤทธิ์ต่อเส้นลมปราณของตับ ม้าม และหัวใจ ช่วยปรับสมดุล หยิน-หยาง บำรุงร่างกาย
การรักษาโรค: ในอดีต ซางหวงถูกใช้รักษาโรคต่างๆ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคตับ โรคผิวหนัง

ปัจจุบัน:
ยังคงได้รับความนิยม: ซางหวง ยังคงเป็นสมุนไพรยอดนิยม หาซื้อได้ทั่วไปในร้านขายยาจีน และมีจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น แบบแห้ง แบบแคปซูล
งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์: ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ทำให้นักวิจัยสามารถสกัด แยก และระบุ สารออกฤทธิ์ ในซางหวงได้

การประยุกต์ใช้:
เสริมภูมิคุ้มกัน: สาร Polysaccharide ในซางหวง มีส่วนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
บำบัดโรคมะเร็ง: มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากซางหวง มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งบางชนิด
โรคเรื้อรัง: แพทย์แผนจีน บางท่านอาจแนะนำให้ใช้ซางหวง ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน ในโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง

ข้อควรระวัง:
การใช้ซางหวง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์แผนจีนที่เชี่ยวชาญ
ไม่ควรรับประทาน หากตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคประจำตัว

จะเห็นได้ว่า ซางหวง เป็นสมุนไพรที่มีประวัติยาวนาน และยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็ควรใช้อย่างระมัดระวัง และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ





.....................


ข้อมูลเกี่ยวกับเห็ด Phellinus igniarius ในวัฒนธรรมจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี

 เรื่องเล่า ตำนาน และความเชื่อเกี่ยวกับเห็ดในวัฒนธรรมต่างๆ เป็นสิ่งที่น่าติดตาม รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเห็ด Phellinus igniarius ในวัฒนธรรมจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี มาเล่าให้ฟัง

จีน:

ชื่อเรียก: เห็ดชนิดนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "ซางหวง" (桑黄) แปลว่า "สีเหลืองที่ขึ้นบนต้นหม่อน"

การแพทย์แผนจีน: ซางหวงถูกจัดเป็นสมุนไพรล้ำค่า เชื่อว่ามีฤทธิ์บำรุงร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านมะเร็ง และยืดอายุ
เรื่องเล่า: ตำนานเล่าขานถึงจักรพรรดิองค์หนึ่ง ทรงพระประชวรหนัก หมอหลวงรักษาไม่ได้ จนกระทั่งมีฤาษีนำเห็ดซางหวงมาถวาย เมื่อทรงเสวยแล้ว อาการประชวรก็หายเป็นปลิดทิ้ง

ญี่ปุ่น:

ชื่อเรียก: "เมชิตาเกะ" (Meshimakobu) แปลว่า "เห็ดที่มีลักษณะคล้ายตาข่าย"

วัฒนธรรม: เห็ดชนิดนี้ถูกนำมาใช้เป็นยาพื้นบ้านมานานหลายศตวรรษ เชื่อว่าช่วยเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
การใช้งาน: มักนำมาต้มเป็นชา หรือบดเป็นผง เพื่อรับประทานเป็นยา

เกาหลี:

ชื่อเรียก: "ซังกวาง" (Sangwhang)

ความเชื่อ: เห็ดชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี และมีพลังในการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย
การใช้งาน: นำมาต้มเป็นชา หรือใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร เช่น ซุป และแกง

ข้อสังเกต:

เรื่องเล่า ตำนาน และความเชื่อ เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม อาจไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
การใช้สมุนไพร ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ




........................

เห็ดกระถินพิมาน (Phellinus igniarius)

 เห็ดกระถินพิมาน (Phellinus igniarius)

1. ลักษณะทั่วไป:
  • รูปร่าง: เห็ดชนิดนี้มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง คล้ายกีบม้า หรือจาน ยึดเกาะกับต้นไม้อย่างแข็งแรง
  • สีสัน: ผิวด้านบนมักมีสีเทาเข้ม น้ำตาลเข้ม หรือดำ ส่วนผิวด้านล่างที่เป็นรู จะมีสีน้ำตาลแดง
  • ขนาด: แตกต่างกันไปตามอายุ และสภาพแวดล้อม อาจมีขนาดตั้งแต่ 5-30 เซนติเมตร
  • แหล่งที่พบ: มักพบเจริญเติบโตบนต้นไม้เนื้อแข็ง เช่น ต้นโอ๊ค ต้นเบิร์ช ต้นเมเปิ้ล
  • วงจรชีวิต: เป็นเห็ดที่อาศัยบนต้นไม้ที่ยังมีชีวิต และย่อยสลายเนื้อไม้ ทำให้เกิดอาการเน่า

2. สรรพคุณทางยา:

  • เห็ดชนิดนี้ถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพร ในหลายวัฒนธรรม เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี
  • สารออกฤทธิ์สำคัญ:
  • Polysaccharides: สารกลุ่มนี้ เช่น beta-glucans มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านมะเร็ง
  • Triterpenoids: มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง
  • Polyphenols: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์:

  • ฤทธิ์ต้านมะเร็ง: งานวิจัยในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองพบว่า สารสกัดจากเห็ดชนิดนี้ มีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด
  • ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ
  • ฤทธิ์ต้านการอักเสบ: ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน: เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • ฤทธิ์อื่นๆ: เช่น ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ฤทธิ์ป้องกันตับ
  • ข้อควรระวัง: แม้จะมีงานวิจัยสนับสนุน แต่ยังจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการใช้เป็นยารักษาโรคในมนุษย์

3. การเพาะเลี้ยง:

  • เห็ดชนิดนี้สามารถเพาะเลี้ยงได้ แต่ค่อนข้างยาก และใช้เวลานาน
  • มีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยง เช่น การเพาะเลี้ยงแบบกึ่งธรรมชาติ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

4. ข้อมูลอื่นๆ:

  • การนำไปใช้: นอกจากการใช้เป็นยา เห็ดยังถูกนำไปใช้ทำชา สีย้อม และเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ
  • สถานะการอนุรักษ์: เห็ดชนิดนี้ไม่จัดอยู่ในกลุ่มที่ใกล้สูญพันธุ์ แต่ในบางพื้นที่ อาจพบได้น้อยลงเนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า

หมายเหตุ:

  • ข้อมูลที่ให้เป็นเพียงความรู้ทั่วไป ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญได้
  • ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนใช้สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด



..................................................


การค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของเห็ดกระถินพิมาน

การค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของเห็ดกระถินพิมานเป็นภาษาไทย และต้องการคำแนะนำในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม

คำค้นหาที่แนะนำ (ภาษาไทย):
"เห็ดกระถินพิมาน" AND "ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ"
"เห็ดกระถินพิมาน" AND "สารต้านอนุมูลอิสระ"
"สารสกัดเห็ดกระถินพิมาน" AND "อนุมูลอิสระ"
"เห็ดกระถินพิมาน" AND "ความเครียดออกซิเดชัน" (oxidative stress)

แหล่งข้อมูลที่แนะนำ:

ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ไทย (ThaiLis):

https://www.thalis.or.th/
รวบรวมวิทยานิพนธ์ งานวิจัย และบทความวิชาการภาษาไทย
ฐานข้อมูล TCI (Thai Citation Index):
https://tci-thaijo.org/index.php/TCI
ฐานข้อมูลบทความวิจัยภาษาไทย
วารสารวิชาการต่างๆ:

ลองค้นหาในวารสารวิชาการที่เกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์การแพทย์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ

ตัวอย่างเช่น วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วารสารเภสัชศาสตร์ เป็นต้น

Google Scholar:

https://scholar.google.com/
สามารถจำกัดผลลัพธ์ให้แสดงเฉพาะภาษาไทยได้

ข้อแนะนำเพิ่มเติม:

ติดต่อห้องสมุด: ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย หรือสถาบันวิจัย มักจะมีฐานข้อมูลงานวิจัยที่ครอบคลุม และเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญ: อาจารย์ นักวิจัย ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น จุลชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพ เภสัชศาสตร์

หมายเหตุ:
งานวิจัยภาษาไทยอาจมีจำนวนจำกัด เทียบกับงานวิจัยภาษาอังกฤษ
ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล



...................................................

PubMed คืออะไร

 PubMed คืออะไร

  • PubMed คือ ฐานข้อมูลงานวิจัยทางการแพทย์ที่ให้บริการฟรี พัฒนาโดย National Center for Biotechnology Information (NCBI) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ National Institutes of Health (NIH) ประเทศสหรัฐอเมริกา
.
PubMed มีอะไรบ้าง

  • บทคัดย่อและบทความวิจัย: มีบทคัดย่อของบทความวิจัยทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ กว่า 30 ล้านเรื่อง จากวารสารหลายพันฉบับทั่วโลก
  • ลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม: หลายบทความใน PubMed มีลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม ซึ่งอาจต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือเข้าถึงได้ฟรี
.
เครื่องมือค้นหา: มีเครื่องมือค้นหาขั้นสูง ช่วยให้คุณค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว

ข้อมูลอื่นๆ: นอกจากบทความวิจัยแล้ว PubMed ยังมีข้อมูลอื่นๆ เช่น หนังสือ บท และรายงาน

วิธีใช้ PubMed

  • เข้าเว็บไซต์ PubMed: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/
  • พิมพ์คำค้นหา: ในช่องค้นหา เช่น ชื่อโรค ชื่อยา ชื่อผู้แต่ง
  • กดปุ่ม "Search":
  • เลือกผลลัพธ์ที่ต้องการ:
  • อ่านบทคัดย่อ: เพื่อดูเนื้อหาคร่าวๆ ของบทความ
  • คลิกลิงก์เพื่ออ่านบทความฉบับเต็ม:

เคล็ดลับการใช้ PubMed

  • ใช้คำค้นหาที่ชัดเจน:
  • ใช้เครื่องหมายคำพูด ("") เพื่อค้นหาวลีที่ตรงกัน
  • ใช้ตัวดำเนินการบูลีน (AND, OR, NOT): เพื่อจำกัดผลลัพธ์การค้นหา
  • ใช้ฟิลเตอร์: เพื่อจำกัดผลลัพธ์การค้นหา เช่น วันที่ตีพิมพ์ ภาษา ชนิดของบทความ



.
.

งานวิจัยเกี่ยวกับเห็ดกระถินพิมาน (Phellinus igniarius) จากทั่วโลก

 งานวิจัยเกี่ยวกับเห็ดกระถินพิมาน (Phellinus igniarius) จากทั่วโลก

งานวิจัยเกี่ยวกับเห็ด Phellinus igniarius จากทั่วโลก
เห็ดชนิดนี้เป็นที่สนใจของนักวิจัยทั่วโลก เนื่องจากมีศักยภาพในการเป็นแหล่งของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ งานวิจัยครอบคลุมหลายด้าน เช่น

1. ฤทธิ์ทางชีวภาพ:

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ: งานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่าสารสกัดจาก Phellinus igniarius มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย
ฤทธิ์ต้านมะเร็ง: มีงานวิจัยในหลอดทดลอง และสัตว์ทดลอง พบว่าสารสกัดบางชนิดจากเห็ดชนิดนี้มีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้หลากหลายชนิด
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ: งานวิจัยบางชิ้นพบว่าสารสกัดจากเห็ดชนิดนี้ ช่วยลดการอักเสบได้
ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน: มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า สารสกัดจาก Phellinus igniarius อาจช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้
ฤทธิ์อื่นๆ: เช่น ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ฤทธิ์ป้องกันตับ

2. สารออกฤทธิ์:

นักวิจัยได้สกัดและระบุสารออกฤทธิ์สำคัญจาก Phellinus igniarius หลายชนิด เช่น polysaccharides, triterpenoids, polyphenols

3. การเพาะเลี้ยง:

มีงานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยง Phellinus igniarius เพื่อให้ได้ผลผลิตสูง และมีคุณภาพ

แหล่งข้อมูลงานวิจัย:

คุณสามารถค้นหางานวิจัยเกี่ยวกับ Phellinus igniarius ได้จากฐานข้อมูลงานวิจัยนานาชาติ เช่น:
PubMed: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/
ScienceDirect: https://www.sciencedirect.com/
Google Scholar: https://scholar.google.com/

คำแนะนำ:
ใช้คำค้นหาที่หลากหลาย เช่น "Phellinus igniarius", "Phellinus igniarius medicinal properties", "Phellinus igniarius anticancer"
อ่านบทคัดย่อ (abstract) เพื่อดูเนื้อหาคร่าวๆ ก่อนตัดสินใจอ่านงานวิจัยฉบับเต็ม





....................................